ชั้นประถมศึกษาปีที่
4 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
เรขาคณิต เวลา 19 ชั่วโมง
ภาคเรียนที่.............................ผู้สอน............................................................โรงเรียน.........................................
|
ค 3.1
: อธิบายและวิเคราะห์รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ
ค 3.2
: ใช้การนึกภาพ (Visualization)
ใช้เหตุผลเกี่ยวกับปริภูมิ (Spatial reasoning) และใช้แบบจำลองทางเรขาคณิต (Geometric model) ในการแก้ปัญหา
ค 4.1
: เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป (Pattern)
ความสัมพันธ์ และฟังก์ชัน
ค 6.1
: มีความสามารถในการแก้ปัญหา การให้เหตุผล
การสื่อสาร
การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์
และการนำเสนอ
การเชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ทางคณิตศาสตร์
และเชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
|
จุดประสงค์การเรียนรู้
|
หลักฐาน /
ชิ้นงาน / ภาระงาน
|
จุดประสงค์ปลายทาง
1.
สามารถบอกชนิดของมุม ชื่อมุม
ส่วนประกอบของมุม และเขียนสัญลักษณ์ได้
2.
สามารถบอกได้ว่าเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรง
คู่ใดขนานกัน พร้อมทั้งใช้สัญลักษณ์แสดงการขนานได้
3.
สามารถบอกส่วนประกอบของรูปวงกลมได้
4.
สามารถบอกได้ว่ารูปใดหรือส่วนใดของสิ่งของ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
และจำแนกได้ว่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าได้
|
-
กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.1
-
กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.4 ข้อ 1-3
-
กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.3
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.2
|
จุดประสงค์การเรียนรู้
|
หลักฐาน /
ชิ้นงาน / ภาระงาน
|
จุดประสงค์ปลายทาง
(ต่อ)
5.
สามารถบอกได้ว่ารูปเรขาคณิตสองมิติรูปใดเป็นรูปที่มีแกนสมมาตรและบอกจำนวนแกนสมมาตรได้
6.
สามารถนำรูปเรขาคณิตมาประดิษฐ์เป็นลวดลายต่างๆ
ได้
7.
สามารถบอกรูปและความสัมพันธ์ในแบบรูปของรูปที่กำหนดให้ได้
|
- กิจกรรมพัฒนาการคิด
3.5
- กิจกรรมพัฒนาการคิด
3.6 ข้อ 1-2
- กิจกรรมพัฒนาการคิด
3.7
|
จุดประสงค์นำทาง
1.
บอกส่วนประกอบของมุม
และเขียนชื่อและสัญลักษณ์แทนมุมได้
2.
จำแนกชนิดของมุม
และบอกได้ว่าเป็นมุมฉาก มุมแหลม
หรือมุมป้าน
3.
บอกได้ว่าเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรงคู่ใดขนานกัน
พร้อมทั้งใช้สัญลักษณ์แสดงการขนานได้
4.
บอกส่วนประกอบของรูปวงกลมได้
5.
บอกได้ว่ารูปใดหรือส่วนใดของสิ่งของมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
และจำแนกได้ว่าเป็น รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
6.
บอกได้ว่ารูปเรขาคณิตสองมิติรูปใดเป็นรูปที่มีแกนสมมาตร
7.
บอกจำนวนแกนสมมาตรของรูปสมมาตรได้
8.
ประดิษฐ์ลวดลายโดยใช้รูปเรขาคณิตได้
9.
บอกรูปและความสัมพันธ์ในแบบรูปของ รูปเรขาคณิตและรูปอื่นๆ ได้
|
-
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 1-2 (3.1)
-
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 3 (3.1)
-
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ (3.4)
-
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ข้อ 1-2 (3.3)
-
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 1 ข้อ 1-2/ที่ 2
(3.2)
-
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ (3.5)
-
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ข้อ 1-2 (3.6)
-
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ข้อ 1-2 (3.7)
|
|
- มุม
- รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
- รูปวงกลม
- เส้นขนาน
- รูปที่มีแกนสมมาตร
- การประดิษฐ์ลวดลายโดยใช้รูปเรขาคณิต
- แบบรูปและความสัมพันธ์
| |||
กิจกรรมที่ u มุม เวลา
2 ชั่วโมง
(วิธีสอนแบบโมเดลซิปปา)
| |||
- ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ
- ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จากนั้นตรวจให้คะแนนโดยไม่เฉลยคำตอบ
แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)
1. ก 2. ค 3. ข 4. ง 5. ง
6. ก 7. ข 8. ง 9. ง 10. ข
ขั้นทบทวนความรู้เดิม
|
1. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม
กลุ่มละ 4 คน คละกันทั้งเด็กเก่งเด็กอ่อน
เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย
แล้วให้สมาชิกในกลุ่มทบทวนเรื่องมุม โดยวาดรูปมุมบนกระดาน
แล้วให้นักเรียนทุกกลุ่มตอบคำถาม เช่น
|
|
2. ครูให้นักเรียนทุกกลุ่มดูกิจกรรมนำสู่การเรียน ในหนังสือเรียน (หน้า 42)
แล้วให้นักเรียนพิจารณาว่ารูปใดเป็นมุมและรูปใดไม่เป็นมุม พร้อมบอกเหตุผล
ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่
- นักเรียนแต่ละคนจับฉลากเพื่อศึกษาความรู้ เรื่อง เกี่ยวกับมุม ในหัวข้อต่อไปนี้
- ส่วนประกอบของมุม
- การเขียนชื่อและสัญลักษณ์แทนมุม
- การเปรียบเทียบขนาดของมุมและชนิดของมุม
- นักเรียนที่จับฉลากได้หัวข้อเดียวกันให้ไปรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหม่ขั้นศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลนักเรียนในกลุ่มใหม่ศึกษาความรู้ตามหัวข้อที่ได้รับจากหนังสือเรียน (หน้า 43-46) และทำกิจกรรมฝึกการเรียนรู้ ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 ส่วนประกอบของมุม ทำกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 1 (หน้า 43)
- กลุ่มที่ 2 การเขียนชื่อและสัญลักษณ์แทนมุม ทำกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 2 (หน้า 44)
- กลุ่มที่ 3 การเปรียบเทียบขนาดของมุมและชนิดของมุม ทำกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 3 (หน้า 46)
ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม
- นักเรียนกลุ่มใหม่กลับไปกลุ่มเดิม นำความรู้ที่ตนได้ศึกษากลับไปถ่ายทอดความรู้ให้เพื่อนกลุ่มเดิมฟัง
- นักเรียนในกลุ่มอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้
- นักเรียนกลุ่มเดิมร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการศึกษาความรู้เกี่ยวกับเรื่องมุม สิ่งที่เป็นความรู้เดิมและความรู้ใหม่
- นักเรียนสรุปความรู้ลงในกระดาษที่ครูแจกให้ เขียนชื่อสมาชิกกลุ่มไว้ด้านหลังแล้วนำส่งครูขั้นปฏิบัติ / แสดงผลงาน
- นักเรียนกลุ่มเดิมร่วมกันคิดว่า จะนำเสนอผลงานในรูปแบบใดเพื่อให้เพื่อนกลุ่มอื่นเข้าใจง่ายและเป็นวิธีการที่แปลกใหม่
- นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงาน ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปอีกครั้งขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ครูให้นักเรียนสำรวจสิ่งของเครื่องใช้ที่พบเห็นในชีวิตประจำวันว่ามีส่วนใดที่มีลักษณะเป็นมุมบ้าง และเป็นมุมชนิดใดกิจกรรมรวบยอด
- ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.1 ในหนังสือเรียน (หน้า 47)
- ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
กิจกรรมที่ v รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก เวลา
3 ชั่วโมง
(วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ)
|
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม
กลุ่มละ 3-5 คน แล้วแจกกระดาษรูปสี่เหลี่ยมชนิดต่างๆ ให้แต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 12 ใบ
จากนั้นให้แต่ละกลุ่มใช้กระดาษที่พับเป็นมุมฉากมาวัดมุมของรูปสี่เหลี่ยมทุกมุม
ทีละรูป แล้วให้จำแนกรูปสี่เหลี่ยมที่มีมุมทุกมุมเป็นมุมฉากออกไว้พวกหนึ่ง
2. ครูตรวจดูว่านักเรียนแต่ละกลุ่ม
จำแนกรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากได้ถูกต้องหรือไม่ หากยังไม่ถูกต้องให้ครูช่วยแนะนำ
3. ครูให้นักเรียนดูกิจกรรมนำสู่การเรียน
ในหนังสือเรียน (หน้า 48) แล้วให้นักเรียนช่วยกันพิจารณาว่า รูปสี่เหลี่ยมรูปใดเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากบ้าง
|
ขั้นที่ 1
สังเกต รับรู้
1. ครูอธิบายว่า
รูปสี่เหลี่ยมที่มีมุมทุกมุมเป็นมุมฉาก เรียกว่า รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
จากนั้นครูนำสิ่งของ เช่น ยางลบ สมุด ไม้บรรทัด
ให้นักเรียนพิจารณาว่ามีส่วนใดเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก แล้วให้นักเรียนยกตัวอย่างสิ่งต่างๆ
ที่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
2. ครูติดบัตรภาพรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
และบัตรภาพรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อย่างละ 3 รูป
แล้วให้นักเรียนพิจารณาและตอบคำถามต่อไปนี้
- มีรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากกี่รูป (6 รูป)
- รู้ได้อย่างไรว่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก (เพราะมีมุมทุกมุมเป็นมุมฉาก)
- รูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านทุกด้านยาวเท่ากันมีกี่รูป
(3 รูป)
จากนั้นครูแนะนำว่า
รูปสี่เหลี่ยมมุมฉากที่มีด้านทุกด้านยาวเท่ากัน เรียกว่า รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และ
รูปสี่เหลี่ยมมุมฉากที่มีด้านตรงข้ามยาวเท่ากันสองคู่
แต่ด้านที่อยู่ติดกันยาวไม่เท่ากัน เรียกว่า รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
และด้านที่ยาวกว่า เรียกว่า ด้านยาว ด้านที่สั้นกว่า เรียกว่า ด้านกว้าง
3. ครูให้นักเรียนตัดกระดาษเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจากแบบที่ครูให้
จากนั้นให้นักเรียนพับกระดาษตามแนวของมุมที่อยู่ตรงข้ามกัน 2 เส้น
แล้วลากเส้นตามรอยพับ ครูแนะนำว่าเส้นนี้ เรียกว่า เส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยม
4. ครูให้นักเรียนใช้กระดาษที่พับเป็นมุมฉากวัดมุมที่ตัดกันของเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ว่ารูปสี่เหลี่ยมมุมฉากชนิดใดมีเส้นทแยงมุมตัดกันเป็นมุมฉาก (รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีเส้นทแยงมุมตัดกันเป็นมุมฉาก)
แล้วครูให้นักเรียนสังเกตดูว่า
เส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากจะแบ่งครึ่งซึ่งกันและกัน และเส้นทแยงมุม 1 เส้น
จะแบ่งรูปสี่เหลี่ยมออกเป็นรูปสามเหลี่ยมสองรูป
ขั้นที่ 2
ทำตามแบบ
- ครูนำบัตรภาพรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และบัตรภาพรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ติดบนกระดาน 8-10 รูป จากนั้นชี้ทีละรูป แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบว่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากชนิดใด
- ครูวาดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนกระดาน จากนั้นสุ่มเลือกนักเรียนออกมาเขียนเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมทั้งสองรูป แล้วให้เพื่อนๆ ที่เหลือพิจารณาว่าถูกต้องหรือไม่
- Cยมครูวาดรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากบนกระดาน เช่นกDงจากนั้นให้นักเรียนช่วยกันพิจารณาว่าส่วนของเส้นตรงใดเป็นเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยม ส่วนของเส้นตรงใดไม่เป็นเส้นทแยงมุม เพราะอะไร
ขั้นที่ 3
ทำเองโดยไม่มีแบบ
- ครูให้นักเรียนฝึกพิจารณารูปว่ารูปใดเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก และฝึกจำแนกรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก จากกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 1 ข้อ 1-2 ในหนังสือเรียน (หน้า 49) เสร็จแล้วครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
- ครูให้นักเรียนฝึกลากเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยม จากกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 2 ในหนังสือเรียน (หน้า 50) เสร็จแล้วครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
ขั้นที่ 4
ฝึกทำให้ชำนาญ
ครูนำสิ่งของในห้องเรียนให้นักเรียนพิจารณาว่ามีส่วนใดเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากหรือไม่ เช่น
แปรงลบกระดาน กล่องชอล์ก โต๊ะ
แล้วจำแนกว่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมชนิดใด
|
1. หลังจากที่นักเรียนเข้าใจเรื่อง
รูปสี่เหลี่ยมมุมฉากและเส้นทแยงมุม แล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย
จนได้ข้อสรุปว่า
- รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
เป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีมุมทุกมุมเป็นมุมฉาก แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
เป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากที่มีด้านยาวเท่ากันทุกด้าน
-
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากที่มีด้านตรงข้ามยาวเท่ากัน
แต่ด้านที่อยู่ติดกันยาวไม่เท่ากัน
- เส้นทแยงมุม
เป็นส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดยอดมุมที่อยู่ตรงข้ามกันของรูปสี่เหลี่ยม
-
เส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตัดกันเป็นมุมฉาก
-
เส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก 2 เส้น จะแบ่งครึ่งซึ่งกันและกัน
-
เส้นทแยงมุมหนึ่งเส้นจะแบ่งรูปสี่เหลี่ยมออกเป็นรูปสามเหลี่ยมสองรูป
2. ครูให้นักเรียนฝึกพิจารณาสิ่งของรอบตัวว่ามีส่วนใดเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากหรือไม่ และบอกว่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมชนิดใด จากกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.2
ในหนังสือเรียน (หน้า 51)
3. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
กิจกรรมที่ w รูปวงกลม
เวลา 3 ชั่วโมง
(วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ
:
กระบวนการปฏิบัติ)
|
- ครูนำสิ่งของต่างๆ มาเป็นแบบรูป เช่น แปรงลบกระดาน กล่องดินสอ แก้วน้ำ ฝากระป๋องฝากล่องข้าว ไม้บรรทัด แล้วเขียนรูปบนกระดานตามแบบ จากนั้นให้นักเรียนอภิปรายว่ารูปบนกระดานรูปใดเป็นรูปวงกลมบ้าง2. ครูให้นักเรียนพิจารณารูปวงกลมแต่ละรูป จากกิจกรรมนำสู่การเรียน ในหนังสือเรียน (หน้า 52) แล้วบอกว่ารูปวงกลมแต่ละรูปมีส่วนประกอบต่างๆ เหมือนกันหรือไม่ และพิจารณาว่ารัศมีและเส้นผ่านศูนย์กลางของแต่ละรูปยาวเท่ากันหรือไม่
|
ขั้นที่ 1
สังเกต รับรู้
1. ครูนำแบบรูปของรูปวงกลมมาให้นักเรียนเขียนรูปวงกลม
จากนั้นตัดกระดาษเป็นรูปวงกลม ตามที่เขียนไว้ แล้วให้นักเรียนพับครึ่งรูปวงกลม
โดยพับหลายๆ ครั้งเพื่อให้เกิดเส้นหลายๆ เส้น แล้วครูอธิบายว่า
จุดตัดของเส้นทุกเส้นนั้น เรียกว่า จุดศูนย์กลางของรูปวงกลม
และครูให้นักเรียนสังเกตว่า เส้นทุกเส้นที่เกิดจากการพับครึ่งรูปวงกลม
เป็นส่วนของเส้นตรงที่ผ่านจุดศูนย์กลางทุกเส้น เส้นนี้เรียกว่า เส้นผ่านศูนย์กลาง
ครูให้นักเรียนใช้ไม้บรรทัดวัดเส้นที่เกิดจากการพับจากจุดศูนย์กลางมายังเส้นขอบของรูป
จะพบว่าเส้นทุกเส้นมีความยาวเท่ากัน เส้นนี้เรียกว่า รัศมี
และเส้นที่เป็นเส้นขอบของรูปวงกลม เรียกว่า
เส้นรอบวง
- ครูวาดรูปวงกลมและส่วนประกอบของรูปวงกลมบนกระดาน เช่น
แล้วให้นักเรียนบอกจุดศูนย์กลางของรูปวงกลม
(จุด ก) รัศมีของรูปวงกลม (กจ) และเส้นผ่านศูนย์กลางของรูปวงกลม (คง)
แล้วให้ออกมาชี้ว่าเส้นใด คือ เส้นรอบวง
ขั้นที่ 2
ทำตามแบบ
ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม
กลุ่มละ 2-3 คน จากนั้นแจกบัตรภาพรูปวงกลมกลุ่มละ 1 รูป
ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันเขียนส่วนประกอบของรูปวงกลม
พร้อมชี้บอกว่าส่วนใดคืออะไร เสร็จแล้วส่งครูเพื่อตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่
ขั้นที่ 3
ทำเองโดยไม่มีแบบ
- ครูให้นักเรียนฝึกบอกส่วนประกอบของรูปวงกลม จากกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ข้อ 1-2 ในหนังสือเรียน (หน้า 53-54)
- ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
ขั้นที่ 4
ฝึกทำให้ชำนาญ
ครูแจกบัตรรูปวงกลมให้นักเรียนคนละ
1 ใบ แล้วให้นักเรียนเขียนส่วนประกอบต่างๆ ของรูปวงกลม พร้อมเขียนลูกศรชี้บอก
|
1. หลังจากที่นักเรียนเข้าใจเรื่อง
รูปวงกลมและส่วนประกอบของรูปวงกลมแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย
จนได้ข้อสรุปว่า
- รูปวงกลมมีส่วนประกอบ ดังนี้
- จุดศูนย์กลางของรูปวงกลม เป็นจุดคงที่ที่อยู่ตรงกลางรูปวงกลม ซึ่งอยู่ห่างจาก เส้นรอบวงทุกๆ ส่วนเท่ากัน
- เส้นรอบวง เป็นเส้นโค้งที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางเท่ากันตลอดความยาวของเส้น
- เส้นผ่านศูนย์กลาง เป็นส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดหนึ่งบนเส้นรอบวงด้านหนึ่งผ่านจุดศูนย์กลางของรูปวงกลมไปยังอีกจุดหนึ่งบนเส้นรอบวงอีกด้านหนึ่ง
- รัศมี เป็นส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดศูนย์กลางไปยังเส้นรอบวง2. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.3 ในหนังสือเรียน (หน้า 54)3. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมกิจกรรมที่ x เส้นขนาน เวลา 2 ชั่วโมง
(วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ
: กระบวนการปฏิบัติ)
|
1. ครูเขียนเส้นตรง 2 คู่ เส้นตรงคู่แรกขนานกัน
เส้นตรงคู่ที่สองไม่ขนานกัน จากนั้นครูถามนักเรียนว่า
- เส้นตรงคู่แรกมีระยะห่างเท่ากันตลอดเส้นหรือไม่
(เท่ากัน)
- เส้นตรงคู่ที่สองมีระยะห่างเท่ากันตลอดเส้นหรือไม่
(ไม่เท่ากัน)
ครูสังเกตดูว่า
นักเรียนสามารถตอบได้ถูกต้องหรือไม่
หากนักเรียนตอบไม่ถูกต้องให้ครูช่วยแนะนำว่าเส้นตรงคู่ใดมีระยะห่างเท่ากันตลอดเส้น
โดยดูจากอะไร
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาเส้นตรงและส่วนของเส้นตรงจากกิจกรรมนำสู่การเรียน ใน
หนังสือเรียน
(หน้า 55) ว่าเส้นตรงและส่วนของเส้นตรงคู่ใดขนานกันบ้าง
|
ขั้นที่ 1
สังเกต รับรู้
1. ครูเขียนเส้นขนานคู่หนึ่งบนกระดาน
แล้วสาธิตการวัดระยะห่างระหว่างเส้นตรงทั้งสอง โดยใช้กระดาษที่พับเป็นมุมฉาก
จากนั้นครูแนะนำว่า เส้นตรงสองเส้นที่มีระยะห่างเท่ากันตลอด เรียกว่า
เส้นตรงสองเส้นขนานกัน หรือเส้นตรงสองเส้นนั้นเป็นเส้นขนาน
2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน
แล้วแจกบัตรภาพเส้นขนานและเส้นไม่ขนานคละกันกลุ่มละ 5 ใบ
จากนั้นให้นักเรียนใช้กระดาษที่พับเป็นมุมฉากวัดดูว่า เส้นตรงแต่ละคู่มีระยะห่างเท่ากันเสมอหรือไม่
แล้วสรุปว่าเส้นตรงคู่ใดบ้างขนานกัน คู่ใดบ้างไม่ขนานกัน
3. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างสิ่งของที่มีส่วนที่ขนานกัน เช่น ไม้บรรทัด โต๊ะ
ขั้นที่ 2
ทำตามแบบ
ครูเขียนส่วนของเส้นตรงหรือเส้นตรงเป็นคู่
หลายๆ คู่ บนกระดานทั้งที่ขนานกันและไม่ขนานกัน
แล้วให้นักเรียนใช้กระดาษที่พับเป็นมุมฉากวัด แล้วตอบว่า
ส่วนของเส้นตรงหรือเส้นตรงคู่ใดขนานกัน และคู่ใดไม่ขนานกัน
ขั้นที่ 3
ทำเองโดยไม่มีแบบ
ครูให้นักเรียนฝึกพิจารณาเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรงว่าขนานกันหรือไม่ จากกิจกรรมพัฒนา
การเรียนรู้ ในหนังสือเรียน (หน้า 56)
เสร็จแล้วครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
ขั้นที่ 4
ฝึกทำให้ชำนาญ
ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 2-3 คน
แล้วแจกบัตรภาพของเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรง
สองเส้นที่มีทั้งขนานกันและไม่ขนานคละกัน
กลุ่มละ 10 ใบ จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันจำแนกว่าบัตรภาพใดแสดงเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรงขนานกันและไม่ขนานกันบ้าง
|
1. หลังจากที่นักเรียนเข้าใจเรื่อง เส้นขนาน แล้วครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย
จนได้ข้อสรุปว่า
-
เส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรงสองเส้นที่อยู่บนระนาบเดียวกันขนานกัน ก็ต่อเมื่อเส้นตรง ทั้งสองมีระยะห่างเท่ากันเสมอ
2. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.4 ข้อ 1-3
ในหนังสือเรียน (หน้า 57)
3. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
กิจกรรมที่ y รูปที่มีแกนสมมาตร เวลา 2 ชั่วโมง
(วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ
:
กระบวนการปฏิบัติ)
|
- ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับรูปเรขาคณิต โดยครูนำภาพเรขาคณิต เช่น รูปวงกลม รูปสี่เหลี่ยม และรูปที่ไม่เป็นรูปเรขาคณิต แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกว่า รูปใดบ้างเป็นรูปเรขาคณิต และรูปใดบ้าง ไม่เป็นรูปเรขาคณิต
- ครูให้นักเรียนพิจารณารูปในกิจกรรมนำสู่การเรียน ในหนังสือเรียน (หน้า 58) แล้วบอกว่า
รูปใดบ้างมีลักษณะเป็นรูปสมมาตร หากนักเรียนตอบไม่ถูกก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นการดูพื้นฐานว่านักเรียนมีความรู้เรื่องรูปสมมาตรบ้างหรือไม่
|
ขั้นที่ 1
สังเกต รับรู้
1. ครูนำแผ่นกระดาษที่ตัดเป็นรูปต่างๆ
ทั้งที่เป็นรูปเรขาคณิตและไม่เป็นรูปเรขาคณิตมาให้ นักเรียนพับครึ่ง
แล้วดูว่าทั้งสองข้างของรอยพับทับกันสนิทหรือไม่ แล้วครูสรุปให้ฟังว่า
รูปที่สามารถพับครึ่งแล้วแต่ละข้างของรอยพับทับกันสนิท เรียกว่า รูปที่มีแกนสมมาตร
และรอยพับ เรียกว่า แกนสมมาตร
2.
ครูให้นักเรียนสังเกตดูว่ารูปเรขาคณิตแต่ละรูปมีแกนสมมาตรกี่แกน
รูปเรขาคณิตชนิดใดมีแกนสมมาตรมากที่สุด และรูปเรขาคณิตชนิดใดบ้างที่ไม่มีแกนสมมาตร
จากนั้นร่วมกันสนทนาอภิปรายถึงจำนวนแกนสมมาตรของแต่ละรูปที่มีจำนวนไม่เท่ากัน เช่น
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
มีแกนสมมาตร 4 แกน
มีแกนสมมาตร 2 แกน
ขั้นที่ 2
ทำตามแบบ
ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน
จากนั้นแจกแผ่นกระดาษรูปเรขาคณิตที่เขียนเส้นประไว้
แล้วให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันพิจารณาว่า
เส้นประในแผ่นกระดาษของรูปเรขาคณิตนั้นเป็นแกนสมมาตรของรูปหรือไม่
แล้วตรวจสอบโดยการพับตามแนวของเส้นประ
ขั้นที่ 3
ทำเองโดยไม่มีแบบ
ครูให้นักเรียนฝึกพิจารณารูปสมมาตรและฝึกเขียนแกนสมมาตร จากกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ในหนังสือเรียน (หน้า 60)
เสร็จแล้วครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
ขั้นที่ 4
ฝึกทำให้ชำนาญ
ครูวาดรูปบนกระดานหลายๆ รูป
แล้วสุ่มเลือกนักเรียนออกมาเขียนแกนสมมาตรทีละคน จนครบทุกรูป ครูและเพื่อนๆ
ตรวจสอบดูว่าเขียนแกนสมมาตรได้ถูกต้องหรือไม่
|
1. หลังจากที่นักเรียนเข้าใจเรื่อง
รูปที่มีแกนสมมาตรแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย จนได้ข้อสรุปว่า
-
รูปสมมาตร เป็นรูปที่เมื่อพับครึ่งแล้ว แต่ละข้างของรอยพับทับกันสนิทพอดี
- แกนสมมาตร
เป็นเส้นที่ทำให้ทั้งสองข้างของรอยพับทับกันได้สนิท และได้รูปที่เท่ากัน
ทุกประการ
ทุกประการ
2. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.5 ในหนังสือเรียน (หน้า 61) เสร็จแล้วครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
กิจกรรมที่ z การประดิษฐ์ลวดลายโดยใช้รูปเรขาคณิต เวลา 2 ชั่วโมง
(วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ
:
กระบวนการปฏิบัติ)
|
1. ครูทบทวนเรื่องรูปเรขาคณิตชนิดต่างๆ
เช่น รูปวงกลม รูปสี่เหลี่ยม จุด เส้นตรง โดยนำบัตรภาพมาให้นักเรียนดู
แล้วให้บอกว่าเป็นรูปเรขาคณิตชนิดใด
2. ครูให้นักเรียนพิจารณารูปประดิษฐ์
จากกิจกรรมนำสู่การเรียน
ในหนังสือเรียน (หน้า 62) ว่ารูปประดิษฐ์นั้น ประกอบด้วยรูปเรขาคณิตชนิดใดบ้าง
|
ขั้นที่ 1
สังเกต รับรู้
1. ครูนำภาพวาดที่มีรูปเรขาคณิตชนิดต่างๆ ประกอบอยู่มาให้นักเรียนดู
แล้วให้นักเรียนพิจารณาว่าภาพนั้นมีรูปเรขาคณิตอะไรบ้าง
จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาถึงภาพต่างๆ หรือสิ่งของต่างๆ ที่อยู่รอบตัว
ว่าส่วนใหญ่จะประกอบด้วยรูปเรขาคณิต
จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว ที่ประกอบด้วยรูปเรขาคณิต
แล้วครูอภิปรายว่า
มนุษย์นั้นรู้จักนำรูปเรขาคณิตมาใช้ในการออกแบบสร้างสรรค์งานศิลปะต่างๆ
2.
ครูให้นักเรียนดูตัวอย่างการประดิษฐ์โดยใช้รูปเรขาคณิต ในหนังสือเรียน
(หน้า 63)
ขั้นที่ 2
ทำตามแบบ
1. ครูให้นักเรียนฝึกจำแนกรูปประดิษฐ์ว่า ประกอบด้วยรูปเรขาคณิตชนิดใดบ้าง จากกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ข้อ
1 ในหนังสือเรียน (หน้า 63)
เสร็จแล้วครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
2. ครูให้นักเรียนฝึกประดิษฐ์รูปต่างๆ จากรูปเรขาคณิต จากกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ข้อ 2 ในหนังสือเรียน (หน้า 63)
แล้วให้นักเรียนแสดงผลงานหน้าชั้น
ขั้นที่ 3
ทำเองโดยไม่มีแบบ
ครูให้นักเรียนทุกคนประดิษฐ์รูปสัตว์หรือรูปต่างๆ
ที่นักเรียนชื่นชอบมาคนละ 1 ภาพ
โดยใช้รูปเรขาคณิตมาประดิษฐ์
ขั้นที่ 4
ฝึกทำให้ชำนาญ
ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2-3 คน แล้วให้นำแผ่นกระดาษรูปเรขาคณิตมาประดิษฐ์เป็นรูปต่างๆ
และตกแต่งเพิ่มเติมให้รูปดูสวยงามขึ้น แล้วนำเสนอให้เพื่อนดูหน้าชั้น
|
1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงการออกแบบและการประดิษฐ์ลวดลายโดยใช้รูปเรขาคณิต
จนได้ข้อสรุปว่า
-
รูปเรขาคณิตต่างๆ สามารถนำมาออกแบบและประดิษฐ์เป็นลวดลายต่างๆ
ได้อย่างสวยงามโดยใช้ความคิดที่สร้างสรรค์
2. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.6 ข้อ 1-2
ในหนังสือเรียน (หน้า 64)
เสร็จแล้วสุ่มนักเรียนออกแสดงผลงานของตนเอง
กิจกรรมที่ { แบบรูปและความสัมพันธ์ เวลา 3 ชั่วโมง
(วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ
:
กระบวนการปฏิบัติ)
|
ครูให้นักเรียนสังเกตแบบรูปจากกิจกรรมนำสู่การเรียน
ในหนังสือเรียน (หน้า 65) โดยให้นักเรียนพิจารณาแบบรูป แล้ววาดรูปถัดไปของแต่ละแบบรูปว่าเป็นรูปอะไร
|
ขั้นที่ 1
สังเกต รับรู้
1. ครูยกตัวอย่างแบบรูปของรูปเรขาคณิตหรือแบบรูปอื่นๆ
โดยติดบัตรรูปเรขาคณิตบนกระดาน
แล้วให้นักเรียนสังเกตความสัมพันธ์และบอกลักษณะของรูปถัดไปทางขวามืออีก 3 รูป เช่น
(รูปวงกลมเล็ก
2 รูป สลับกับรูปวงกลมใหญ่ 2 รูป และรูปวงกลมสีเทาสลับกับสีขาว ดังนั้น
สามรูปถัดไป คือ รูปวงกลมเล็กสีขาว
รูปวงกลมใหญ่สีเทา รูปวงกลมใหญ่สีขาว)
(จำนวนรูปสามเหลี่ยมเพิ่มขึ้นทีละ 2 ดังนั้นสามรูปถัดไป
คือ รูปสามเหลี่ยมที่มีจำนวน 9 รูป 11 รูป และ 13 รูป)
2. ครูยกตัวอย่างแบบรูปของรูปเรขาคณิตหรือแบบรูปอื่นๆ
อีก 2-3 ตัวอย่าง
ขั้นที่ 2
ทำตามแบบ
1. ครูให้นักเรียนฝึกพิจารณาแบบรูปของรูปเรขาคณิตและรูปอื่นๆ โดยให้นักเรียนทำกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 1 ข้อ
1-2 ในหนังสือเรียน (หน้า 66-67)
2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
ขั้นที่ 3
ทำเองโดยไม่มีแบบ
- ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเขียนแบบรูปของรูปเรขาคณิตและรูปอื่นๆ กลุ่มละ 2 ชุด พร้อมทั้งบอกความสัมพันธ์ของแบบรูป
- ครูให้ตัวแทนกลุ่มออกนำเสนอหน้าชั้นเรียน แล้วให้เพื่อนกลุ่มอื่นบอกรูปถัดไปของแบบรูปอีก 2-3 รูปขั้นที่ 4 ฝึกทำให้ชำนาญ
ครูเขียนแบบรูปบนกระดาน
5-8 แบบ แล้วให้นักเรียนวาดรูปถัดไปของแบบรูปนั้น
พร้อมทั้งบอกความสัมพันธ์ของแบบรูปแต่ละข้อ
|
|||
|
1. หลังจากที่นักเรียนเข้าใจเรื่อง แบบรูปของรูปเรขาคณิตและแบบรูปอื่นๆ
แล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย จนได้ข้อสรุปว่า
- การสังเกตแบบรูปของรูปเรขาคณิตและแบบรูปอื่นๆ
ต้องดูว่ารูปแรกสัมพันธ์กับรูปที่สอง
อย่างไร
และสัมพันธ์กับรูปที่สาม รูปที่สี่อย่างไร และต้องมีความต่อเนื่องกัน
2. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.7 ในหนังสือเรียน (หน้า 68) เสร็จแล้วครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม
3. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบที่ 3
ในหนังสือเรียน (หน้า 70-71)
4. ครูมอบหมายให้นักเรียนจัดทำชิ้นงาน
โดยให้นักเรียนยกตัวอย่างสิ่งของเครื่องใช้มา 2
ชนิด แล้ววาดรูปสิ่งของดังกล่าว จากนั้นพิจารณาว่าสิ่งของนั้น มีลักษณะเป็นมุม เป็นรูปสี่เหลี่ยม หรือรูปวงกลม
มีส่วนที่มีลักษณะขนานกันอย่างใดอย่างหนึ่งบ้างหรือไม่
แล้วร่วมกันกำหนดส่งผลงาน
|
- สื่อการเรียนรู้ (ตัวอย่าง : สื่อฯ มมฐ. หลักสูตรแกนกลางฯ คณิตศาสตร์ ป.4)
- บัตรภาพมุมและบัตรภาพรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- สิ่งของที่เป็นแบบรูปในการเขียนรูปวงกลม
*
ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก หนังสือเรียน คณิตศาสตร์ ป.4 (ฉบับอนุญาต)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 (เรขาคณิต)
เพื่อเสริมความรู้ขยายความเข้าใจในบทเรียนนี้
|
|
6.1 หลักฐานการเรียนรู้
(ชิ้นงานสุดท้ายที่แสดงพฤติกรรมการเรียนรู้รวบยอด)
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.1
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.2
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.3
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.4 ข้อ 1
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.4 ข้อ 2
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.4 ข้อ 3
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.5
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.6 ข้อ 1
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.6 ข้อ 2
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.76.2 วิธีการวัดและประเมินผล
- ตรวจการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.1
- ตรวจการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.2
- ตรวจการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.3
- ตรวจการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.4 ข้อ 1-3
- ตรวจการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.5
- ตรวจการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.6 ข้อ 1-2
- ตรวจการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.7
- สังเกตการให้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ จากการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.7
- สังเกตการใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การสื่อความหมาย และการนำเสนอได้อย่างถูกต้อง จากการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.4 ข้อ 1
- สังเกตการใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ จากการทำกิจกรรมพัฒนาการคิด 3.6 ข้อ 1-2
- ประเมินผลงานเรื่อง การพิจารณาสิ่งของรอบตัวว่ามีลักษณะอย่างไร
- สังเกตพฤติกรรมในการปฏิบัติกิจกรรม6.3 เครื่องมือวัดและประเมินผลและเกณฑ์
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.1
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.2
- (ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์)กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.3
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.4 ข้อ 1-3
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.5
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.6 ข้อ 1-2
- กิจกรรมพัฒนาการคิด 3.7
- แบบประเมินทักษะคณิตศาสตร์
- (ดูเกณฑ์ในแบบประเมิน)แบบประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์
- แบบประเมินผลงาน
- แบบประเมินสมรรถนะผู้เรียน 5 ด้าน
- แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ด้าน7. กิจกรรมเสนอแนะ
-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น